โรงเรียนซิดคอทเป็นโรงเรียนเควกเกอร์ซึ่งเป็นวิถีคริสต์แนวหนึ่งในนิกายโปเทสแต้นท์ (เปรียบเทียบก็อาจคล้ายโรงเรียนวิถีพุทธในบ้านเรา ที่เอาแนวคิดทางศาสนามาประยุกต์ใช้ แต่ไม่ใช่สอนศาสนาตรงๆ) ในแต่ละสัปดาห์ จะมีหนึ่งวันที่นักเรียนจะมาเข้าร่วมประชุมกัน พอเข้าไปถึงอาคารที่ประชุม ซึ่งนักเรียนรู้จักกันในนาม meeting house พวกเราก็จะเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วก็นั่งเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งมีใครสักคนลุกขึ้นพูด ไม่ว่าอยากจะพูดเรื่องอะไรก็สามารถลุกขึ้นมาพูดได้ ในขณะที่คนอื่นที่เหลือ ก็รับหน้าที่เป็นผู้ฟังด้วยความตั้งใจ ให้เกียรติ ไม่ขัด ไม่โต้เถียง ไม่วิจารณ์ พี่เองก็เรียนรู้ที่จะทำแบบนั้นเช่นกัน แต่ความลับอย่างนึงของพี่ที่ไม่เคยบอกใครก็คือ ด้วยความที่สมัยเริ่มเรียนแรกๆนั้น พี่เข้าใจภาษาอังกฤษน้อยมาก พี่ก็เลยไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง ก็เลยนั่งเงียบๆไปซะแบบเนียนๆ
ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่าจากการที่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนซิดคอท มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่พี่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนหลากหลายศาสนาและเชื้อชาติ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ทักษะการรับมือจัดการกับผู้คนหลากหลายรูปแบบ ต่างความคิด ต่างวัฒนธรรม
ทักษะและรูปแบบความคิดแบบนี้ที่พี่ได้เรียนรู้ตั้งแต่อายุ 15 เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้พี่มีเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจกัน จากหลากหลายเชื้อชาติ เรียกว่าจะแทบทุกมุมโลกก็ว่าได้ ทักษะนี้ค่อยๆกลายเป็นนิสัยใหม่ที่ทำให้พี่สามารถอยู่ได้ท่ามกลางความแตกต่างของวัฒนธรรมที่หลากหลาย อันเป็นประโยชน์ในการทำงานของพี่มาจนถึงทุกวันนี้ในบทบาทของการเป็นเลขาฯท่านเอกอัคราชทูตประเทศหนึ่ง ซึ่งพี่ก็สามารถทำงานกับบรรดาผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และผู้ที่มาติดต่อราชการที่ต่างนิสัย ต่างศาสนา และต่างความเข้าใจ เสมือนเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนจากประเทศที่พี่ทำงานไปสู่ผู้คนในทั้งสี่ประเทศที่ท่านทูตฯพี่ดูแลอยู่ ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
* รูปถ่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ตอนกลับไปเยี่ยมโรงเรียน